Suntory

EN TH

ติดตามเราได้ที่

EN TH

นโยบายบริษัท

นโยบายความเป็นส่วนตัวของ SPBT ถูกกำหนดให้สอดคล้องกับ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านว่า SPBT มีการดำเนินการอย่างไร มีข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้างที่ SPBT เก็บรวบรวม และเหตุผลในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น สิทธิทั้งหลายที่ท่านมีเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ระยะเวลาที่ SPBT เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ขั้นตอนอะไรบ้างที่ SPBT นำมาใช้เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านยังคงเป็นความลับและปลอดภัย บุคคลใดบ้างที่ SPBT ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ทราบ และช่องทางที่ท่านสามารถติดต่อ SPBT ได้

นโยบายความเป็นส่วนตัว


บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด (“บริษัทฯ”) ตระหนักในความสำคัญและให้ความเคารพในความเป็นส่วนตัวของท่านอย่างเต็มความสามารถของบริษัทฯ โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่าน (“ข้อมูล”),

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และข้อกำหนดทางกฎหมายอื่น ๆ ทั้งหมด รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ซึ่งถูกแก้ไขและ/หรือเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว) (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล") บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบหากมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลของท่าน เพื่อรับรองการปฏิบัติตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ ลิงก์ที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มของบริษัทฯ สามารถนำท่านเข้าสู่แพลตฟอร์มของบุคคลภายนอกได้ ซึ่งหากท่านได้เข้าสู่แพลตฟอร์มของบุคคลภายนอกแล้วการประมวลผลข้อมูลของท่านจะเป็นไปตามนโยบายของบุคคลภายนอกนั้นทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านอ่านและยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลภายนอกนั้นเมื่อท่านเข้าใช้แพลตฟอร์มนั้น ๆ

“ประมวลผล” หรือ “การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการใด ๆ หรือชุดของการดำเนินการที่กระทำกับข้อมูล รวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล

“ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลประเภทพิเศษภายใต้ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติหรือเผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพหรือความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม และข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดที่อาจมีผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในลักษณะเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

1. ข้อมูลใดที่บริษัทฯเก็บรวบรวม
บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลประเภทต่อไปนี้ ซึ่งได้รับโดยตรงจากท่านหรือโดยอ้อมจากแหล่งอื่นๆ (เช่น ผู้สมัคร พนักงาน ตัวแทนจำหน่าย ลูกค้า ผู้บริโภค ซัพพลายเออร์ ผู้ให้บริการ พันธมิตรทางธุรกิจอื่นๆ บุคคลที่สาม (เช่น โรงพยาบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนราชการอื่น) หรือแหล่งข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ) ประเภทของข้อมูลที่รวบรวมจะขึ้นอยู่กับการสื่อสารและการโต้ตอบระหว่างท่านกับบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง

  1. รายละเอียดส่วนบุคคล เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล เพศ อายุ สัญชาติ วันเกิด กรุ๊ปเลือด ลายเซ็น ข้อมูลเกี่ยวกับบัตรที่ออกโดยราชการ (เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง) สถานภาพการสมรส รูปถ่าย วิดีโอ กล้องวงจรปิด และบันทึกเสียง;
  2. รายละเอียดการติดต่อ เช่น ที่อยู่ทางไปรษณีย์ ที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ รายละเอียดการติดต่อทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ
  3. รายละเอียดเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียและพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับท่านและพฤติกรรมของท่านเมื่อท่านโต้ตอบกับสื่อใด ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทฯ ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น เมื่อท่าน "ถูกใจ" บริษัทฯ บน Facebook ติดตามบริษัทฯ ส่งข้อความถึงบริษัทฯ หรือแบ่งปันเนื้อหาของบริษัทฯบน Facebook;
  4. รายละเอียดทางการเงิน เช่น สถานะทางการเงินและข้อมูลทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  5. รายละเอียดการทำธุรกรรม เช่น วันที่และเวลาชำระเงิน รายการที่ซื้อและจำนวนเงินที่ชำระ สถานะและประวัติการทำธุรกรรม
  6. รายละเอียดระบบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และเครื่องมือ เช่น IP Address บันทึกการตรวจสอบ ระบบปฏิบัติการ ข้อมูลเครือข่ายมือถือ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ และ/หรือ ข้อมูลการใช้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
  7. ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวจากบัตรประจำตัวประชาชน (เช่น ศาสนา) ข้อมูลสุขภาพ ใบรับรองแพทย์ ความพิการ และข้อมูลมีความอ่อนไหวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกรอกหรือแสดงหลักฐานสำหรับการร้องเรียนของผู้บริโภคและการรายงาน

หากท่านได้ให้ข้อมูลของบุคคลที่สามแก่บริษัทฯ โปรดแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อให้บุคคลที่สามรับทราบและ/หรือขอความยินยอม ในกรณีจำเป็นต้องได้รับความยินยอมเมื่อไม่สามารถอ้างอิงพื้นฐานทางกฎหมายอื่นได้

บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถเป็นครั้งคราว หากท่านเป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถหรือคนไร้ความสามารถที่ต้องการมีส่วนร่วมในความสัมพันธ์กับบริษัทฯ ท่านต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาหรือผู้มีอำนาจปกครองของท่านก่อนที่จะติดต่อบริษัทฯ หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทฯ เมื่อได้รับความยินยอมตามกฎหมาย ในกรณีที่บริษัทฯ ทราบว่าบริษัทฯได้รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้ตั้งใจจากผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครองในกรณีที่ต้องได้รับความยินยอม หรือจากบุคคลเสมือนไร้ความสามารถและ/หรือไร้ความสามารถโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครองตามกฎหมายเมื่อกฎหมายกำหนดไว้ บริษัทฯจะลบข้อมูลดังกล่าวทันทีหรือจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยก็ต่อเมื่อบริษัทฯ สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นนอกเหนือจากความยินยอม

2. บริษัทฯ เก็บรวบรวมและนำข้อมูลของท่านไปใช้อย่างไร
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลทั่วไปและ/หรือ ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นหรือมีฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลนั้นเท่านั้น ซึ่งรวมถึงกรณีดังต่อไปนี้

  1. เพื่อจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ
  2. บริษัทฯ เชื่อว่าการใช้ข้อมูลทั่วไปและ/หรือข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านจำเป็นเพื่อประโยชน์ที่สำคัญต่อชีวิต (vital interest) หรือเพื่อป้องกันหรือหลี่กเลี่ยงอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
  3. บริษัทฯ เชื่อว่าการใช้ข้อมูลทั่วไปของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา
  4. บริษัทฯ เชื่อว่าการใช้ข้อมูลทั่วไปของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัทฯ
  5. บริษัทฯ เชื่อว่าการใช้ข้อมูลทั่วไปของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย (legitimate interest) ของบริษัทฯ หรือของบุคคลภายนอก (เช่น เพื่อความปลอดภัยและความต่อเนื่องทางธุรกิจ เพื่อการให้บริการที่มีมาตรฐานสูง เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ และเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์) เว้นแต่ ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าประโยชน์ หรือสิทธิขั้นพื้นฐานและเสรีภาพของท่าน
  6. บริษัทฯ เชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลทั่วไปและ/หรือข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัทฯ

นอกเหนือจากฐานทางกฎหมายต่าง ๆ ข้างต้น บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลทั่วไปและข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านภายใต้ความยินยอมของท่าน หากบริษัทฯ จำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะระบุอย่างชัดเจนว่าต้องการข้อมูลอะไรบ้าง เพื่อให้ท่านยืนยันการตัดสินใจในการให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ไม่สามารถจัดหาบริการหรือผลิตภัณฑ์ให้กับท่านได้ เนื่องจากท่านไม่ยินยอมให้บริษัทฯ ดำเนินการประมวลผลข้อมูลทั่วไปและข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่าน บริษัทฯ จะชี้แจงให้ท่านทราบอย่างชัดเจนในเวลาที่บริษัทฯ ขอความยินยอมจากท่าน

โดยทั่วไปแล้ว บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

2.1. สัญญาที่บริษัทฯ มีกับท่าน
บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลทั่วไปของท่านตามข้อตกลงที่บริษัทฯ ได้ทำไว้กับท่าน ซึ่งอาจรวมถึงวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. การเข้าทำสัญญาการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง สัญญาจัดหา สัญญาจัดจำหน่ายสินค้า สัญญาเช่า สัญญาการจ้างงาน สัญญาซื้อขาย สัญญาบริการ คำสั่งซื้อ สัญญาการไม่เปิดเผยข้อมูล (non-disclosure agreement) หนังสือแสดงเจตจำนง (letter of intent) บันทึกความเข้าใจ หนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย (letter of indemnity) ฯลฯ
  2. การใช้สิทธิหรือการปฏิบัติภาระหน้าที่ตามสัญญาใด ๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง สัญญาจัดหา สัญญาจัดจำหน่ายสินค้า สัญญาเช่า สัญญาการจ้างงาน สัญญาซื้อขาย สัญญาบริการ คำสั่งซื้อ สัญญาการไม่เปิดเผยข้อมูล (non-disclosure agreement) หนังสือแสดงเจตจำนง (letter of intent) บันทึกความเข้าใจ หนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย (letter of indemnity) ฯลฯ
  3. การรับคำสั่งซื้อ การส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือการให้บริการของบริษัทฯ การดำเนินการเพื่อให้ผู้บริโภคและลูกค้าพึงพอใจในผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ การตอบคำถามลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท การให้การสนับสนุนทางธุรกิจแก่พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ รวมถึงตัวแทนจำหน่าย ซึ่งนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไปขายต่อให้กับลูกค้ารอง (secondary customers) และลูกค้าผู้เป็นผู้บริโภค (end consumers) ผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ การขายทางโทรศัพท์ ฯลฯ; และ
  4. การเข้าร่วมในกิจกรรมที่จัดขึ้น จัดร่วมโดยหรือในนามบริษัทฯ เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ส่งเสริมผู้บริโภคหรือลูกค้า การวิจัยผู้บริโภค การสร้างยอดขาย การสร้างแบรนด์ กิจกรรมที่จัดโดยบริษัทในเครือ บุคคลภายนอกที่ได้รับมอบหมาย และ/หรือ ผู้อื่นภายใต้การสนับสนุนของบริษัทฯ เช่น กิจกรรมจับรางวัล กิจกรรมเป๊ปซี่แฟนคลับ (Pepsi Fanclub activity) กิจกรรมส่งเสริมเป๊ปซี่ (Pepsi Promotion activity) กิจกรรมวิ่ง แข่งขันฟุตบอล Gatorade 5v5

2.2. ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ
บริษัทฯ จะใช้หลักสิทธิประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย โดยการเปรียบเทียบความสำคัญระหว่างลักษณะข้อมูลทั่วไปที่บริษัทฯ นำมาประมวลผล กับสิ่งที่ท่านคาดว่าจะได้รับโดยปกติ โดยบริษัทฯ จะให้การคุ้มครองข้อมูลเพื่อลดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นกับสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานของท่าน ทั้งนี้ การประมวลผลข้อมูลทั่วไปของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายนี้อาจเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. ดำเนินขั้นตอนการสรรหาบุคลากร และยื่นข้อเสนอการจ้างงานแก่ผู้สมัครงาน
  2. วิธีการในการดำเนินขั้นตอนการคัดเลือกคู่สัญญา (vendor selection process) กระบวนการตรวจสอบสถานะและความโปร่งใสของบุคคลภายนอก (third party due diligence) และการจัดหาวัสดุสิ่งของและ/หรือบริการ
  3. รับข้อร้องเรียน ดำเนินการตรวจสอบข้อเรียกร้อง การติดต่อเพื่อรายงานผลการเรียกร้อง ค่าชดเชยหรือการแจกสินค้าฟรี รายงานเพื่อการใช้งานภายใน และการสื่อสารต่อสาธารณชน
  4. เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สินภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัทฯ
  5. เข้าทำและติดต่อธุรกรรมทางธุรกิจ ดำเนินการตลาดและการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ การส่งเสริมการขาย แคมเปญ กิจกรรม งานอีเว้นท์ การจับรางวัล และการกระตุ้นยอดขาย ตลอดจนให้การสนับสนุนทางธุรกิจแก่พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ รวมทั้ง ตัวแทนจำหน่าย ตัวแทน รวมถึงรายงานเพื่อการใช้งานภายใน และการสื่อสารต่อสาธารณชน
  6. ตรวจสอบผลการดำเนินงานด้านการขาย การวิเคราะห์ตลาด แผนการผลิต กลยุทธ์และการวางแผนการขายและการตลาด รวมถึงการหาเส้นทางใหม่สู่ตลาดหรือช่องทางการจัดจำหน่าย การทำการวิจัยตลาด การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค การรายงานเพื่อการใช้งานภายใน และการขายสินค้าทางโทรศัพท์
  7. การฝึกอบรมแก่พันธมิตรทางธุรกิจ ตัวแทนจำหน่าย และอื่น ๆ
  8. การดำเนินขั้นตอนการคัดเลือกคู่สัญญา (vendor selection process) การประกวดราคา และกระบวนการตรวจสอบสถานะและความโปร่งใสของบุคคลภายนอก (third party due diligence) และ
  9. ติดต่อกับบุคคลภายนอกและเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจเพื่อวัตถุประสงค์ด้านภาษีและสิทธิพิเศษจากกิจกรรมการขาย การตลาดและผู้บริโภค รวมถึงกิจกรรมการดำเนินธุรกิจให้การสนับสนุนอุปกรณ์ รวมถึงบริการบำรุงรักษาอุปกรณ์ และให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
  10. สอบสวนกิจกรรมที่ต้องสงสัยว่าเป็นการกระทำความผิดที่ท่านเป็นผู้ร้องเรียนหรือถูกร้องเรียนโดยบุคคลภายนอกผ่านช่องทาง Speak-Up ซึ่งรวมถึงการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เป็นการกระทำความผิดดังกล่าว
  11. การก่อตั้ง ปฏิบัติตาม ใช้ หรือปกป้องสิทธิตามข้อเรียกร้องทางกฎหมายต่อท่าน ซึ่งรวมถึงการฟ้องร้อง

2.3. ภาระหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัทฯ
เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลและต้องดำเนินการตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นจะต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลทั่วไปและ/หรือข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 ประมวลรัษฎากร พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

2.4. ข้อเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัทฯ
บริษัทฯ อาจใช้ฐานข้อเรียกร้องในทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านเพื่อก่อตั้ง ปฏิบัติตาม ใช้ หรือปกป้องสิทธิตามข้อเรียกร้องทางกฎหมายต่อท่าน ซึ่งรวมถึงการฟ้องร้องเพื่อปกป้องสิทธิของบริษัทฯ

2.4. ความยินยอมของท่าน
โดยทั่วไปแล้วบริษัทฯ จะไม่ประมวลผลข้อมูลทั่วไปและข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่าน หากบริษัทฯ ไม่มีฐานทางกฎหมายในการดำเนินการดังกล่าว อย่างไรก็ตามในกรณีที่จำเป็น บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลทั่วไปและข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่าน รวมถึงประมวลผลข้อมูลทั่วไปและข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านในกรณีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ซึ่งเราไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นๆ ได้:

  1. บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย โอน หรือประมวลผลข้อมูลทั่วไปหรือข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านเพื่อการดำเนินกิจการของบริษัทฯ การพัฒนาสินค้าและบริการ และกิจกรรมทางการตลาด
  2. บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย โอน หรือประมวลผลข้อมูลทั่วไปหรือข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านที่ได้รับโอนจากผู้อื่นเพื่อการดำเนินกิจการของบริษัทฯ การพัฒนาสินค้าและบริการ และกิจกรรมทางการตลาด
  3. บริษัทฯ โอนข้อมูลทั่วไปหรือข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของท่านไปยังต่างประเทศซึ่งประเทศปลายทางนั้นมีมาตรฐานในด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ต่ำกว่าประเทศไทย และ
  4. ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลเป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนไร้ความสามารถ ซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี)

บริษัทฯ จะจัดส่งข้อมูลการตลาดที่เกี่ยวข้องให้กับท่าน รวมถึงรายละเอียดสินค้าที่บริษัทฯ บริษัทในเครือ หรือพันธมิตรทางธุรกิจจัดให้ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าท่านจะสนใจ โดยจัดส่งทางไปรษณีย์ โทรศัพท์ อีเมล ข้อความ และการสื่อสารในรูปแบบอื่น ๆ หากท่านเปลี่ยนใจเกี่ยวกับวิธีที่ท่านประสงค์ให้บริษัทฯ ติดต่อท่าน หรือท่านไม่ประสงค์จะได้รับข้อมูลดังกล่าวอีกต่อไป ท่านสามารถแจ้งให้บริษัทฯ ทราบได้ตลอดเวลา โดยทำตามขั้นตอนการขอถอนคำยินยอมของบริษัทฯ

การไม่ให้ข้อมูลบางอย่างแก่บริษัทฯ อาจส่งผลให้เบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมบางอย่างที่อธิบายไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์และให้บริการของบริษัทฯ ให้กับท่าน หรือเพื่อปฏิบัติตามข้อผูกมัดทางกฎหมายของบริษัทฯ

3. การแจ้งการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านให้ท่านทราบ
ในบางสถานการณ์ บริษัทฯ ไม่จำเป็นต้องแจ้งการเก็บรวบรวมข้อมูลให้ท่านทราบ เช่น

  1. เมื่อท่านรับทราบวัตถุประสงค์ใหม่หรือรายละเอียดการเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่
  2. บริษัทฯ เชื่อว่าการแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ดังกล่าว หรือรายละเอียดของข้อมูลดังกล่าว ไม่สามารถกระทำได้หรือจะเป็นการขัดขวางการใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อวัตถุประสงค์ในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ ซึ่งบริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และผลประโยชน์ของท่าน
  3. การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านนั้นเป็นกรณีเร่งด่วนตามที่กฎหมายกำหนด และบริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของท่าน หรือ
  4. บริษัทฯ รับทราบหรือได้ข้อมูลของท่านจากการปฏิบัติหน้าที่ อาชีพ หรือวิชาชีพของบริษัทฯ และบริษัทฯ จะดำรงไว้ซึ่งวัตถุประสงค์ใหม่ หรือรายละเอียดบางประเภทดังกล่าวไว้เป็นความลับตามที่กฎหมายกำหนด

4. สิทธิของท่าน
กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ท่านสามารถควบคุมการใช้ข้อมูลของท่านได้มากขึ้น โดยท่านมีสิทธิตามกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลของท่านดังต่อไปนี้

    4.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล
    ท่านมีสิทธิเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านที่บริษัทฯ เก็บไว้ และท่านยังสามารถขอให้บริษัทฯ เปิดเแหล่งที่มาที่บริษัทฯ ได้รับข้อมูลของท่าน ซึ่งท่านไม่ได้ให้ความยินยอม

    4.2 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล
    ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลของท่านไปยังบุคคล/องค์กรอื่น หรือขอดูข้อมูลที่บริษัทฯ ได้โอนไปยังบุคคล/องค์กรอื่น เว้นแต่ บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการตามคำขอของท่านด้วยเหตุทางเทคนิค

    4.3 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลของท่าน
    ท่านมีสิทธิที่จะคัดค้านการประมวลผลข้อมูลของท่าน หากบริษัทฯ ใช้ฐานผลประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายหรือผลประโยชน์สาธารณะ เว้นแต่มีเหตุที่ทำให้ท่านไม่สามารถคัดค้านได้ เหตุดังกล่าวอาจรวมถึงประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือเมื่อการประมวลผลข้อมูลของท่านเป็นไปเพื่อปฏิบัติตาม เพื่อการใช้สิทธิ หรือปกป้องสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย

    4.4 สิทธิในการขอลบข้อมูล
    ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายข้อมูลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในกรณีดังต่อไปนี้
    1. ข้อมูลนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
    2. ท่านได้ถอนความยินยอมของท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล และบริษัทฯ ไม่มีเหตุผลทางกฎหมายอีกต่อไปที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้น
    3. ท่านได้คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล และบริษัทฯ ไม่มีเหตุผลทางกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอ และ/หรือ
    4. เมื่อข้อมูลได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้กฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


    4.5 สิทธิในการจำกัดการประมวลผลข้อมูลของท่าน
    ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทฯ จำกัดการประมวลผลข้อมูลของท่านในกรณีดังต่อไปนี้

    1. ข้อมูลอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นมีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ทำให้เข้าใจผิด
    2. ข้อมูลควรต้องถูกลบ หรือทำลายเนื่องจากไม่เป็นไปตามกฎหมาย แต่ท่านได้ขอให้ระงับการใช้แทน
    3. ข้อมูลนั้นไม่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ที่ได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยอีกต่อไป แต่ท่านมีความจำเป็นที่ต้องร้องขอให้มีการเก็บรักษาข้อมูลเพื่อใช้ในการกำหนดสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย รวมทั้งการดำเนินการตามสิทธิเรียกร้อง การใช้ หรือปกป้องสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย
    4. บริษัทฯ อยู่ในระหว่างรอการยืนยันความถูกต้องของการปฏิเสธคำขอคัดค้านให้มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล


    4.6 สิทธิในการแก้ไขข้อมูล
    ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ทำให้เข้าใจผิด หากบริษัทฯ ปฏิเสธคำขอแก้ไขข้อมูลของท่าน บริษัทฯ จะบันทึกการปฏิเสธพร้อมด้วยเหตุผล

    4.7 สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียน
    ท่านมีสิทธิยื่นร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ ในกรณีที่บริษัทฯ ผู้ประมวลผลข้อมูลของบริษัทฯ รวมทั้ง พนักงาน หรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศอื่น ๆ ภายใต้ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    4.8 สิทธิในการขอถอนความยินยอม
    ท่านสามารถขอเพิกถอนคำยินยอมของท่านได้ไม่ว่าจะในเวลาใดก็ตาม เว้นแต่ บริษัทฯ จะมีฐานทางกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอของท่าน

5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล
บริษัทฯ เก็บรักษาข้อมูลของท่านตราบเท่าที่มีความจำเป็นตามสมควรเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯได้เก็บข้อมูลของท่านมา และเพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญา กฎหมาย และข้อบังคับของบริษัทฯ เพื่อปกป้องสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เช่น สิทธิฟ้องคดีต่อศาล หรือ เพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติ หรือทางประวัติศาสตร์

ระยะเวลาที่บริษัทฯ เก็บรักษาข้อมูลของท่านจะเป็นไปตามอายุความและระยะเวลาในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งในหลาย ๆ กรณีจะมีกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี อย่างไรก็ตามหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวต่อไปอีกหาก บริษัทฯ มีภาระหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายในการเก็บรักษาข้อมูล หรือในกรณีที่มีการใช้สิทธิเรียกร้องบางประการหรือมีข้อร้องเรียนที่ทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลของท่าน หรือ ด้วยเหตุผลทางกฎระเบียบหรือทางเทคนิค ซึ่งหากบริษัทฯ จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลของท่านเป็นระยะเวลานานกว่าที่กล่าวไว้ข้างต้น บริษัทฯ จะยังคงปกป้องคุ้มครองข้อมูลของท่านต่อไป

บริษัทฯ อาจต้องเก็บบันทึกภาพและวิดีโอจากระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่บริษัทฯ ติดตั้งไว้เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของบุคคลที่อยู่ภายในสถานที่ของบริษัทฯ เป็นเวลา 45 วัน

6. การรักษาความปลอดภัย
บริษัทฯ มีการใช้มาตรการความปลอดภัยทางกายภาพ ทางเทคนิค และองค์กรต่าง ๆ ในการเก็บรักษาข้อมูลของท่านให้ปลอดภัย ซึ่งรวมถึงเข้ารหัส (encryption) และการรักษาความปลอดภัยในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้กำหนดให้บุคลากรของบริษัทฯ และบุคคลภายนอกปฏิบัติตามมาตรฐานความเป็นส่วนตัวที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงหน้าที่ในการปกป้องข้อมูล และการใช้มาตรการที่เหมาะสมในการใช้และโอนข้อมูล

บริษัทฯ รับรองว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่ได้เก็บรวบรวมมาจะถูกเก็บไว้รักษาไว้อย่างมั่นคงและปลอดภัยภายใต้มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ และเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้ใช้มาตรการควบคุมการเข้าถึงและการใช้อุปกรณ์สำหรับจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมีความปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีมาตรการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้อุปกรณ์จัดเก็บและประมวลผล โดยกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้ กำหนดผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาตและหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ใช้เพื่อป้องกันการเข้าถึง การเปิดเผย การรับรู้ หรือการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยไม่ได้รับอนุญาต การทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลหรือการโจรกรรมอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

7. การเปิดเผยข้อมูลของท่าน
บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลของท่านไปให้กับบริษัทในเครือของเรา เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการทุจริต และ/หรือ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ของเรา เพื่อพัฒนาสินค้าและ/หรือผลิตภัณฑ์ของเรา หรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด

บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลของท่านไปยังบุคคลที่สามที่รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลตามวัตถุประสงค์ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ คุณสามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้รับข้อมูลเพื่อเรียนรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของคุณ เนื่องจากคุณอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้รับข้อมูลซึ่งแยกจากนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

ในบางกรณี บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านต่อบุคคลหรือองค์กร ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นต้องเปิดเผย

  1. พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึง (1) บริษัทในกลุ่ม หรือบริษัทในเครือของบริษัทฯ และ (2) บุคคลหรือบริษัทอื่น ๆ ที่บริษัทฯ มีข้อสัญญาผูกพัน
  2. คู่ค้า ตัวแทน และผู้สอบบัญชีภายนอก ระบบที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลของท่านจะมีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเจาะจง มีฐานทางกฎหมายรองรับ และมีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม
  3. บุคคลภายนอกที่ให้บริการต่าง ๆ แก่บริษัทฯ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด และผู้รับเหมาช่วงที่กระทำการแทนบริษัทฯ
  4. บริษัทผู้ให้บริการด้านสื่อสังคมออนไลน์ (ในรูปแบบที่ปลอดภัย) หรือบริษัทโฆษณาภายนอก เพื่อแสดงข้อความให้กับท่าน และบุคคลอื่น ๆ ในนามของบริษัทฯ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ โดยบริษัทโฆษณาภายนอกอาจใช้ข้อมูลประวัติกิจกรรมบนเว็บไซต์ของท่านเพื่อจัดสรรการโฆษณาที่ท่านอาจสนใจ
  5. ข้อกำหนดในการจัดการเสนอขาย การปรับองค์กร การโอน ข้อตกลงทางการเงิน การจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สิน หรือธุรกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ และ/หรือทรัพย์สินที่บริษัทฯ ถือครอง
  6. ข้อกำหนดภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คำสั่งศาล หรือคำสั่งเจ้าหน้าที่ ซึ่งรวมถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ศาล หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานของรัฐ หรือบุคคลที่สามอื่น ๆ ที่บริษัทฯ เชื่อว่าจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมายหรือข้อบังคับ หรืออื่น ๆ เพื่อปกป้องสิทธิของบริษัทฯ สิทธิของบุคคลที่สามหรือความปลอดภัยส่วนบุคคลของบุคคล หรือเพื่อตรวจจับ ป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาการฉ้อโกง ความมั่นคง หรือความปลอดภัย

8. การเปิดเผยหรือโอนข้อมูลระหว่างประเทศ
บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลไปยังกลุ่มบริษัท บุคคลที่สาม (เช่น พันธมิตรทางธุรกิจ ซัพพลายเออร์หรือผู้ให้บริการ) หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศนอกประเทศไทย ซึ่งกฎหมายคุ้มครองข้อมูลอาจไม่เหมือนกันหรือครอบคลุมเท่ากับกฎหมายดังกล่าว ในประเทศไทย

บริษัทฯ จะเปิดเผยหรือโอนข้อมูลที่รวบรวมไปยังประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพิจารณาว่ามีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลที่เพียงพอเท่านั้น

ในกรณีที่มาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าวถือว่าไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะจัดเตรียมมาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเจ้าของข้อมูล และการเปิดเผยหรือการโอนข้อมูลจะเกิดขึ้นหากเป็นไปตามข้อยกเว้นข้อใดข้อหนึ่งที่กำหนดโดยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยข้อยกเว้นคือ:

  1. การโอนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามกฎหมาย
  2. เจ้าของข้อมูลให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้งหลังจากได้รับแจ้งถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการโอนดังกล่าว เนื่องจากไม่มีการตัดสินใจที่เพียงพอหรือการป้องกันที่เพียงพอ
  3. การโอนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามสัญญากับเจ้าของข้อมูลหรือการดำเนินการตามมาตรการก่อนทำสัญญาตามคำขอของเจ้าของข้อมูล
  4. การโอนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสรุปหรือปฏิบัติตามสัญญาเกี่ยวกับผลประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลระหว่างบริษัทฯ กับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลอื่น
  5. การโอนมีความจำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ที่สำคัญของเจ้าของข้อมูลหรือของบุคคลอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่สามารถให้ความยินยอมได้ หรือ
  6. การโอนมีความจำเป็นด้วยเหตุผลสำคัญเพื่อประโยชน์สาธารณะ

9. ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้อย่างไร
หากท่านมีความคิดเห็น คำแนะนำ คำถาม หรือต้องการร้องเรียน หรือใช้สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ที่ 88 อาคารเดอะ ปาร์ค ชั้น 15 ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 หรือ โทรศัพท์ (+66)2610 2500 หรือที่เว็บไซต์ https://www.suntorypepsico.co.th/corporate/privacy-policy หรือติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่ dpo@suntorypepsico.com

10. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่ว่าจะในเวลาใดก็ตามที่บริษัทฯ เห็นสมควร โดยบริษัทฯ จะแจ้งการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือปรับปรุงใด ๆ ให้ท่านทราบบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ หรือที่ https://www.suntorypepsico.co.th/ ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา

ในการดำเนินธุรกิจกับพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ และรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจของ บริษัทฯ จะต้องรวบรวมและใช้ข้อมูลพันธมิตรทางธุรกิจที่ บริษัทฯ ถือครองอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ และ/หรือพนักงาน บุคคล หรือคู่สัญญาของพันธมิตรทางธุรกิจ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกใช้ตามวัตถุประสงค์เดิมของบริษัทฯ ก่อนที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะมีผลบังคับใช้เท่านั้น

เพิ่มเติม ปิด

เพื่อการดำเนินธุรกิจและการรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับท่านต่อไป SPBT ยังคงเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และ/หรือพนักงานของท่าน บุคลากรของท่าน หรือผู้รับเหมาของท่าน ตามที่ปัจจุบัน SPBT ได้มีอยู่ไว้ต่อไป โดยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะถูกใช้ตามวัตถุประสงค์เดิมก่อนที่ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะมีผลใช้บังคับเท่านั้น